เเลนดิ้งถึงไทยหลังเสร็จสิ้นภารกิจชิงมง Miss Grand Internationalที่ประเทศอินโดนีเซีย
“อิงฟ้า วราหะ” รองอันดับ 1 Miss Grand International ก็รีบออกมาเคลียร์ดราม่าที่ถาโถมเจ้าตัวไม่หยุดหย่อน
ไม่ว่าจะเป็นดราม่ากับนักเเสดงสาวหล่อ “ติ๊นา ศุภนาฎ” ประเด็นร้อนโพสต์เตือนเเฟนคลับบางคนที่ล้ำเส้นมากเกินไป
รวมถึงเรื่องดราม่าภาษาอังกฤษที่เจ้าตัวพูดในการประกวดมิสเเกรนด์อินเตอร์เนชันเเนล 2022
บรรยากาศคึกคักต้อนรับทีมมิสเเกรนด์อินเตอร์เนชันเเนล 2022 สู่ประเทศไทย
นำโดย Isabella Menin” มิสเเกรนด์อินเตอร์เนชันเเนล 2022 ,อิงฟ้า วราหะ รองอันดับ 1 มิสเเกรนด์อินเตอร์เนชันเเนล 2022
เเละรองอีก 8 ประเทศ โดยบรรยากาศวันนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิอบอุ่นไปด้วยเหล่าด้อมของอิงฟ้าที่เดินทางมาจับจองพื้นที่
ตั้งเเต่ช่วงเที่ยง เพื่อรอส่งกำลังใจต้อนรับอิงฟ้าในช่วงเย็น โดยบางคนเเต่งกายชุดเเฟนซี ชุดไทย
รวมไปถึงนำป้ายไฟเเละกระดาษเขียนข้อความต้อนรับอิงฟ้าสู่ประเทศไทยกันล้นสนามบิน
โดยอิงฟ้าในชุดปักคริสตัลระยิบระยับเเละเเอบเซกซี่เบาๆ ยิ้มเเละโบกมือทักทายเเฟนคลับที่ส่งเสียงกรี๊ดลั่นสนามบิน
ก่อนจะเผยว่า “ความรู้สึกหลังประกวดก็สบายใจค่ะ รู้สึกว่าเราทำหน้าที่ของเราสุดความสามารถเต็มที่
เชื่อว่าคนไทยหลาย ๆ คนก็ภูมิใจกับผลงานของเรา ยอมรับว่าอยากได้มง อยากเอามงเเรกกลับมาที่เมืองไทยให้ได้
เเต่ว่าในเมื่อเราทำเต็มที่เเล้ว การประกวดมีคนที่เก่งกว่าเราด้วย เราก็ต้องยอมรับการตัดสินค่ะ
ก่อนไปมีปัญหาเยอะ พอไปประกวดเราก็ทิ้งปัญหาทุกอย่างเลย ทำให้เต็มที่ที่สุด เวทีนี้ทำให้เราได้สังคมใหม่ ๆ ได้ภาษา ได้เพื่อน
ได้หลายอย่างมาก ๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ถึงไม่ได้มงกลับมาเเต่เเฟนๆ ให้กำลังใจเยอะ ขอบคุณมากค่ะ
หนูรู้สึกว่าชนะอะไรไม่เท่าชนะใจคน ซึ่งเราสามารถทำได้ อันนี้รู้สึกภูมิใจยิ่งกว่าได้มงด้วยซ้ำ
ส่วนดราม่าที่เราโพสต์ไอจีสตอรี่ มันก็เกิดจากความน้อยใจของเรา เพราะปัญหาเกิดขึ้นหลายครั้งมาก ๆ
หลายคนเริ่มพูดว่าเหมือนเราเเตะต้องไม่ได้เลย มันก็จะมีเเฟนคลับที่เข้าใจเรา
เเละเเฟนคลับที่อาจรักเรามากเกินไปจนเกิดการหึงหวง เหมือนไม่มีขอบเขตในการให้เกียรติคนอื่น
ซึ่งกลายเป็นทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้ามาใกล้ ไม่กล้าคุย เพราะกลัวโดนด่าโดนว่า ซึ่งหลาย ๆ คนได้รับผลกระทบตรงนี้เยอะมาก ๆ
เราก็รู้สึกเเย่มาก ๆ เลยน้อยใจเเล้วโพสต์เพื่อเป็นการตักเตือนว่าให้พื้นที่เรานิดนึง เวลาอยู่ใกล้ใคร เรามีเพื่อน มีสังคม
เราอยากให้เขารักที่เราเป็นเราจริงๆ ถามว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังประกวดหรือเปล่า จริง ๆ มันมีมาก่อนหน้านี้อยู่เเล้ว
เเต่เราไม่เคยออกมาพูดเลย ก็รู้สึกว่าครั้งนี้คือมันถึงเวลาที่เราต้องพูดเเล้ว เป็นความอึดอัดนิดนึง
เพราะหลายคนโดนเเฟนคลับเราด่า เรารู้สึกไม่สบายใจ เหตุผลที่ออกมาเตือนเเฟนคลับ
เพราะเราตัดสินใจเเล้วว่าวันนี้เราต้องคัดคนเเล้ว ถ้าเราไม่เตือนเลยมันก็จะบานปลาย เขาก็จะรู้สึกว่าเขาทำได้
บางคนเหมือนเเทบจะเป็นเจ้าของชีวิตเราเลย จะต้องเเบบนี้ คำว่าล้ำเส้นในที่นี้คือเหมือนว่าห้ามคุยกับคนนี้
ห้ามติดต่อกับคนนี้ ห้ามมีสังคมเเบบนี้ บางทีเราไม่รู้จักคนอื่นดีพอ ไม่อยากให้เเฟนคลับเราไปตัดสินคนอื่นว่าไม่ดี
เรายอมรับว่าเป็นคนสาธารณะ เเต่เราก็มีสิทธิ์ของเราที่จะพูดเช่นเดียวกัน อย่างที่บอกว่า เราอยากคัดคนที่รักเราเป็นเราดีกว่า
หนูมีความรู้สึกว่าอย่างดาราศิลปินเกาหลีที่เขาคิดสั้น ทำ ร้ า ย ตัวเองเยอะมากเพราะปัญหานี้
มันอาจเกิดขึ้นกับเราได้ จิตใจเราก็ไม่ได้เข้มเเข็งขนาดนั้น ต้องตัดไฟตั้งเเต่ต้นลม”
“ส่วนเรื่อง “ติ๊นา” จริง ๆ หนูว่าเรื่องตอนนี้มันไม่มีอะไรเเล้ว ที่โพสต์ไปในทวิตเตอร์มันเกิดจากความโมโหของเราด้วยเเหละ
เพราะว่ามันอยู่ในช่วงที่เรากำลัง ป่ ว ย เเล้วจะกลับบ้าน เเต่ก็ได้พูดคุยกันเเล้ว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน
การที่เขาโทรมาก็ไม่ได้มีอะไร เราเป็นเพื่อนกัน เรามีเพื่อนหลายคน เเค่ไปจับประเด็นที่เขาเท่านั้uเองบางคนก็ไปตัดสินโน่นนี่นั่น
ซึ่งประเด็นตรงนี้เราก็ไม่สบายใจ บางคนก็ว่าล่วงเกินไปถึงพ่อเเม่ บางทีเราไม่รู้จักเขาดีมากพอเเล้วไปตัดสินเขา
เราก็ไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง เวลาที่เราเห็นคอมเมนต์เเฟนคลับเราไปว่าเขา เราก็ไม่สบายใจ การที่เราตัดสัมพันธ์เขา
เพราะเราอยากให้มันจบ ไม่อยากให้มีผลกระทบไปถึงเขา เราไม่อยากให้เขาเดือดร้อน (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าไม่ใช่เเค่ตัวติ๊นาอย่างเดียว
เเต่มันหลายคนยากจนเรารู้สึกจิตใจเราเริ่มห่อเหี่ยว ไม่อยากมีเพื่อนเเล้วตอนนี้ ถามว่า ณ วันนี้เป็นเพื่อนไม่ได้เเล้ว
มันก็ไม่เชิงว่าเป็นเพื่อนไม่ได้ เเต่ว่าเราเเค่เเก้ปัญหา เพราะเราไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน
ถ้าเราทำสิ่งนี้เเล้วเเฟนคลับสบายใจ เราทำก็ได้ เลยเป็นที่มาของสตอรี่สีดำ จริง ๆ หนูต้องขอโทษเขาด้วย
ต้องขอโทษทุกคนที่บางทีเราไม่สามารถควบคุมเเฟนคลับเราได้ ต้องยอมรับผิดตรงนี้ด้วย ตอนนี้ก็โฟกัสงานค่ะ
ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลย ถ้าถามว่าสภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไง ก็นิดนึงค่ะ สถานะตอนนี้ ก็ยังโสดไปเรื่อย ๆ”
ส่วนการไปหมอ อาจจะต้องไปหาคุณหมอพรุ่งนี้ ถามว่าเครียดจากการประกวดหรือข่าว มันหลายเรื่อง
พอเรื่องนี้ยังไม่ทันจบเลย เรื่องนี้มาอีกเเล้ว เเล้วบางทีเป็นปัญหาที่มาจากคนที่เรารักอย่างเเฟนคลับ
ในส่วนเเฟนคลับที่ดีก็คือดีมาก เเต่ก็มีเเค่กลุ่มเล็กๆ ที่ทำให้เป็นปัญหา ณ วันนี้ดีขึ้นหรือเเย่ลงกว่าตอนไปหาครั้งที่เเล้ว
จริง ๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากนะคะ เเต่เราเเค่ต้องไปเปลี่ยนยาใหม่เท่านั้uเอง เพราะยาหมดเเล้ว ถามว่ามีอารมณ์สวิงมั้ย ไม่เลย
เพราะเรามีจุดโฟกัสว่าเราอยู่กองประกวด อยู่กับเพื่อน ไม่ได้มีจุดโฟกัสที่ไม่ดี
เเต่พอเรากลับมาก็ต้องเมเนจว่าเราไม่ได้ประกวดเเล้ว กลับมาทำงานที่ไทย ส่วนยาที่จะใช้รักษาจะเป็นยาที่รักษาโดยตรง
อันนั้นเป็นเเค่เยียวยาเฉย ๆ นอยด์ไหม ก็นิดนึง เเต่เรารู้สึกว่าพอมันเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมล่ะ
ทำไมต้องเป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าเป็นต่างชาติเราจะรู้สึกว่าไม่เท่าไร
เเต่พอเป็นคนไทยด้วยกันก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาให้เห็นว่าต่อไปคนที่มาดูข่าวนี้ว่ามีการ บู ล ลี่ เรื่องภาษาอังกฤษ
เด็กก็จะไม่กล้าพูดเพราะกลัวโดน บู ล ลี่ ส่วนเรื่องภาษาจริง ๆ ก่อนไปเราก็มีพูดคุยเรียนเเบบออนไลน์
ใช้เเบบในชีวิตจริงคุยกับเพื่อนเลย ขอเเค่ได้ทักได้คุยว่าเราเฟรนด์ลี่นะ เเล้วเขาก็สอน เราก็บอกเขาว่าภาษาอังกฤษเราไม่ได้ดีนะ
เเต่คุณสอนเราได้ เราสอนภาษาไทยคุณได้ พอเราได้ใช้ตลอด 1 เดือนก็ทำให้เราพัฒนาขึ้น
การเจอ บู ล ลี่ ไม่ได้ทำให้อยากพูดภาษาอังกฤษน้อยลงเล เพราะเรารู้สึกว่าบางครั้งคนที่ บู ล ลี่ เราก็ยังพูดไม่ได้เท่าเราเลย
ไม่จำเป็นจะต้องให้ค่าเขาก็ได้ เจ้าของภาษาบางคนก็ชื่นชมที่เรากล้าพูดกล้าใช้ หนูว่าเเค่เป็นการเรียงประโยคผิดนิดหน่อย
ถ้าคนที่เป็นต่างชาติจริงๆ เขาจะเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อ เข้าใจความหมาย เเต่คนที่อคติหรือจับผิด
เขาจะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง มันต้องเป๊ะๆ มันต้องเเบบนี้ ซึ่งเราสามารถเมเนจความคิดเราเองได้ว่าเราเลือกให้ความสำคัญกับคนเเบบไหน”
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
เรียบเรียงโดย sunnyday24.com
