เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ชุมชนหลังโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์
มีคุณตาที่แก่ชราท่านหนึ่ง ถูกลูกหลานทอดทิ้งไม่เคยกลับมาเหลียวแล แถมปล่อยให้เลี้ยงเหลนอายุ 5 ขวบตามลำพัง
ใช้ชีวิตอยู่อย่างอดอยาก มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุและเงินสงเคราะห์เด็กแรกเกิดประทังชีวิต
บางครั้งเพื่อนบ้านเวทนาสงสารก็แบ่งปันข้าวอาหารให้บ้าง
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ได้รับแจ้ง พบนายสัมฤทธิ์ แกล้วกล้า อายุ 74 ปี มีสภาพร่างกายเดินไม่สะดวก
อาศัยอยู่ในบ้านที่ค่อนข้างคับแคบทรุดโทรม กับน้องต้นข้าว วัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นเหลนเพียงลำพัง
นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ภรรยาเสียชีวิตไปกว่า 30 ปีแล้ว มีลูกทั้งหมด 3 คน คนโตเป็นผู้ชายไปรับจ้างอยู่ที่จ.ปทุมธานี กว่า 20 ปีแล้ว
ล่าสุดทราบว่าป่วยต้องตัดลำไส้นอนติดเตียง แต่ก็ติดต่อไม่ได้หลายปีแล้ว
คนที่ 2 เป็นผู้หญิงไปทำงานที่พัทยา ติดต่อไม่ได้หลายปีเหมือนกัน แต่มีเพื่อนบ้านที่ไปทำงานที่พัทยาแล้วไปเจอ
แต่พอเพื่อนบ้านถามลูกสาวกลับบอกว่า ไม่เคยรู้จักคนนามสกุลนี้
ส่วนลูกชายคนเล็กก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมประมงกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยกลับมาเยี่ยมเลย แต่พอตนติดต่อไปหา
และขอเงินมาใช้จ่ายบ้าง เขาก็บอกว่าไม่มี ส่วนหลานสาว ซึ่งเป็นแม่ของน้องต้นข้าว
เมื่อก่อนทำงานเป็นลูกจ้างที่รพ. แต่หลังจากน้องต้นข้าวอายุได้ 7 เดือนก็ทิ้งเอาไว้ แล้วหนีหายไปเลย ปล่อยให้ตนเลี้ยงเพียงลำพัง
ตาสัมฤทธิ์ บอกว่า เมื่อ 3-4 ปีก่อน ยังพอมีเรี่ยวแรงก็จะนำหลานไปฝากกับเพื่อนบ้าน แล้วออกไปรับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประปา ตามบ้าน
ก็พอได้เงินมาบ้างเดือนละ 2-3 พันบาท บวกกับเบี้ยคนชราอีกเดือนละ 700 บาท
และเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดของเหลนเดือนละ 600 บาท ก็พอใช้ชีวิตอยู่กันได้
แต่มาปีนี้ด้วยสังขารที่ร่วงโรย เพราะแก่ชรามาก สายตาเริ่มพร่ามัว แขนขาอ่อนแรง เดินเหินไม่ค่อยสะดวก
จึงไม่ค่อยมีใครจ้าง ต้องอาศัยแค่เบี้ยคนชราและเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดประทังชีวิตไปวันๆ ก็อยู่กันแบบยากลำบาก
อดมื้อกินมื้อ จนต้องนำเครื่องมือช่างที่มีไปจำนำ เอาเงินมาซื้อข้าวกิน จนตอนนี้ไม่มีอะไรไปจำนำแล้ว
บางวันก็ไปขออาหารจากบ้านพักคนชรามากิน และมีเพื่อนบ้านที่เวทนาสงสงสารหยิบยื่นข้าว อาหาร ให้บ้างตามกำลัง
ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านก็เก็บจากที่คนอื่นทิ้งแล้วเอามาซ่อมใช้ เพราะไม่มีเงินซื้อ
“เมื่อก่อนรับจ้างขับรถเลี้ยงลูกหลานจนโต แต่พอแก่ชรามาลูกหลานก็ทอดทิ้ง ไม่เหลียวแล ท้อใจถึงขั้นคิดสั้นจะ ฆ่ า ตัว ต า ย ไปพร้อมกับเหลน
อยู่ไปก็ไม่มีใครให้พึ่งพา อยากให้ลูกหลานกลับมาดูแล ให้กำลังใจบ้าง ลำพังตัวเองก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว ห่วงอนาคตเหลน
เพราะอายุ 7 ขวบก็ต้องเข้าเรียน แต่คงไม่มีปัญญาส่งเสีย ลำพังข้าวจะกินแต่ละมื้อยังลำบาก หากเป็นไปได้ก็อยากให้ลูกหลาน
ที่รู้ข่าวมารับเหลนไปดูแล หรือพอมีหน่วยงานที่จะช่วยเหลือได้ ก็อยากให้ช่วย” นายสัมฤทธิ์ กล่าว”
หากใครอยากจะช่วยเหลือต่อลมหายใจให้ตากับเหลน สามารถบริจาคได้ที่
ชื่อบัญชี นายสัมฤทธิ์ แกล้วกล้า เลขที่บัญชี 020191552577 ธนาคารออมสิน สาขาบุรีรัมย์
แหล่งที่มา: khaosod.co.th